ข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่อง ถ้ารถใหม่ๆควรเลือกน้ำมันเครื่อง ใสๆ คือตัวเลขตัวหน้ามีตัวเลขน้อยๆๆ เวลาสตาร์ทน้ำมันเครื่องมันจะได้วิ่งไปเลี้ยงชิ้นส่วนได้เร็ว
เลขตัวหลังยิ่งสูงยิ่งดี เบอร์หน้าน้อยๆจะหล่อลื่นได้ดีในขณะะที่อุณหภูมิเย็น
ส่วนตัวเลขตัวหลังยิ่งมากยิ่งดีจะหล่อลื่นได้ดีเมื่ออุณหภูมิร้อนๆ
#ประโยชน์น้ำมันเครื่อง
- ช่วยชะล้างสิ่งสกปรก
- ช่วยระบายความร้อน
- ทำความสะอาดเครื่องยนต์
- ช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนเครื่องยนต์
- ป้องกันสนิม
# รถใหม่ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์100% เพราะน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีความใสมาก ความใสของน้ำมันเครื่องจะสามารถแทรกซึมเข้าไปเคลือบชิ้นส่วนได้เร็วเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์
# น้ำมันเครื่องที่ดีเมื่อถ่ายน้ำมันเครื่องไปแล้วระยะหนึ่งจะต้องมีความดำ นั่นแสดงว่า น้ำมันเครื่องได้เข้าไปชะล้างสิ่งสกปรกต่างๆๆในเครื่องยนต์ได้ดี
แต่ถ้าดึงสายวัดออกมาแล้วน้ำมันเครื่องใสแจ๋ว แสดงว่าเจอน้ำมันเครื่องไม่ดีไม่มีคุณภาพ
# การเลือกซื้อน้ำมันเครื่องในเรื่องราคา ถ้าเกรดเดียวกัน เบอร์เดี่ยวกัน ให้ดูค่ามาตรฐานapi ถ้าค่าเหมือนกันทุกตัว ให้ตัดสินใจซื้อตัวที่ถูกที่สุด นั่นหมายความว่าตัวที่ขายแพงเขาบวกค่าโฆษณา ค่าการตลาด เข้าไปจึงขายแพงกว่ายี่ห้ออื่นที่มีค่ามาตรฐานเดียวกัน
# การทดสอบคุณภาพน้ำมันเครื่องหลังที่เราใช้ไปแล้วว่าคุณภาพดีไหม ให้ดึงก้านซักน้ำมันเครื่อง ขึ้นมาแล้วให้น้ำมันเครื่องหยดใส่นิ้วมือบี้ๆดู น้ำมันเครื่องที่ดีจะลื่นไม่สะดุดเม็ดสกปรกต่างๆ แต่ถ้าบี้แล้วสากๆคล้ายเม็ดทราย แสดงว่าน้ำมันเครื่องไม่ค่อยดีหรือกรองน้ำมันเครื่องไม่ดี
# ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้ตรงเวลา
กรองน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนทุกครั้งเมื่อถ่ายน้ำมันเครื่องจะดีที่สุด
เพราะกรองน้ำมันเครื่องจะเป็นตัวดักจับเศษความสกปรกต่างๆๆในเครื่องยนต์
#. SAE ย่อมาจาก The Soceity of Automotive Engineer ซึ่งเป็นสมาคมวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาโดยที่ SAE จะเป็นผู้กำหนดเบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่อง
Sae 10 20 30 40 50 เป็นเบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่องที่ใช้ในฤดูร้อน
ตัวเลขน้อยสุดจะใสสุดหรือหนืดน้อยกว่าเพื่อน
ส่วนเบอร์น้ำมันเครื่องที่ใช้ในฤดูหนาว จะมีตัวw ต่อท้ายเช่น
Sae 0w,5w ,10w,20w,25w
# ความหนืดของน้ำมันเครื่องโดยแบ่งออกเป็นน้ำมันเกรดเดี่ยว Monograde เช่น sae 10 และน้ำมันเกรดรวม
Multigrade เช่น 15w20
# แต่ปัจจุบันได้พัฒนาไปเป็นน้ำมันเครื่องมัลติเกรด เพื่อใช้น้ำมันเครื่องสามารถใช้ได้เหมือนกันทุกฤดูกาล
จะเป็นsae สองตัวเลขดังนี้ เช่น 15w20, 20w50
# น้ำมันโมโนเกรดและน้ำมันมัลติเกรดต่างกันอย่างไร
น้ำมันมัลติเกรดจะสามารถใช้งานที่อุณหภูมิกว้างกว่าน้ำมันโมโนเกรด และสามารถปรับค่าความหนืด
ให้เหมาะสมได้ แม้ว่าอุณหภูมิของบรรยากาศ หรืออุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์จะเปลี่ยนไป ทำให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นและป้องกันตลอดการทำงาน บางคนเคยกล่าวว่าน้ำมันชนิดมัลติเกรดไม่มีความจำเป็น สำหรับการใช้งานในบ้านเรา ถึงแม้ว่าในประเทศไทยไม่มีฤดูหนาวที่หนาวจัดอย่างใน ยุโรป หรืออเมริกา แต่อย่างไรก็ตามน้ำมันเครื่องมัลติเกรดก็เหมาะสมกว่าน้ำมันโมโนเกรดสำหรับการใช้งานในบ้านเรา เพราะน้ำมันมัลติเกรด จะใสกว่าเมื่ออุณหภูมิต่ำทำให้ไหลไปหล่อลื่นได้ดีกว่าและจะข้นกว่า น้ำมันโมโนเกรด เมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นเกิน 100 C ทำให้มีฟิล์มน้ำมันไปหล่อลื่นและลดการสึกหรอได้ดีกว่า
การเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถของท่าน
# น้ำมันเครื่อง สามารถใช้ได้ทั้งกับรถเครื่องดีเชลและเครื่องเบนชิลใช้ด้วยกันได้ แต่เพื่อให้ได้ปรโยชน์สูงสุดควรใช้น้ำมันเครื่องที่ผลิตออกมาเฉพาะเครื่องยนต์นั้นๆจะดีกว่าจะได้คุณภาพมากกว่า
# น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในภูมิอากาศของบ้านเราควรจะเป็นเบอร์ SAE 30,40 หรือ SAE 10W/40 , 15W/40 หรือ 20W/50
ค่ามาตรฐานนำมันเครื่องเรียก API
API ย่อมาจากคำว่า The American Petroleum หมายถึงสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกาทำหน้าที่กำหนดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง
#. มาตรฐานของน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินจะมีคำว่า S ขึ้นต้นแล้วต่อด้วยตัวอักษรA,B,C,D,...เช่น SA, SB, SC, SD...โดยมีคุณภาพดีขึ้นเป็นลำดับขั้น ในปัจจุบันมาตรฐานสูงสุดคือ API SJ
# มาตรฐานของน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลจะมีตัวอักษร C ขึ้นต้นและต่อท้ายด้วยA,B,C,D ...เช่นเดียวกับมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบันคือ API CG4
# สำหรับรถยนต์สมัยใหม่มีวิวัฒนาการของเครื่องยนต์เปลี่ยนแปลงไปมากดังนั้นสำหรับเครื่องยนต์เบนซินควร
เลือกใช้น้ำมันที่มีมาตรฐาน SG หรือ SH ขึ้นไปและเครื่องยนต์ดีเซลควรเลือกใช้น้ำมันที่มีมาตรฐาน CD,CE หรือ CF4
ชนิดของน้ำมันเครื่อง จะมี น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เกรดกึ่งสังเคราะห์
และเกรดสังเคราะห์แท้100%
น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์แตกต่างจากน้ำมันเครื่องธรรมดาอย่างไร
น้ำมันเครื่องธรรมดาที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปผลิตขึ้นมาจากน้ำมันปิโตรเลี่ยมซึ่งมีข้อดีคือหาได้ง่ายและราคาถูกนอกจากนี้ก็ยังมีคุณภาพที่ดีพอสมควรส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เป็นน้ำมันเครื่องที่มนุษย์คิดค้นขึ้นจากขบวนการทางปิโตรเคมี ทำให้มีคุณภาพเหนือกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปในหลายๆด้าน แต่มีข้อเสียคือ ราคาแพง เท่านั้นเอง แต่ก็แค่หลักพันกว่าบาทไปถึงสองพันกว่าบาท ในการเปลี่ยนถ่ายแต่ระรอบระยะเวลา 1หมื่นกิโลขึ้นไปหาสองหมื่นกิโล
น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดาระยะการเปลี่ยนถ่ายที่ห้าพันถึงเจ็ดพันกิโลเมตรในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละครั้ง และน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายจะอยู่ที่หนึ่งหมื่นกิโลโดยประมาณ
ค่าเพิ่มเติม
- ค่า W คืออะไร
- น้ำมันเครื่องในเขตเมืองหนาว จะมีการวัดต่างออกไปอีกแบบ คือการวัดความต้านทานการเป็นไข โดยวัดตั้งแต่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ต่ำลงมาจนถึงจุดเยือกแข็งตั่งแต่ 0 องศา จนถึงต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยมีตัวอักษรระบุไว้เป็นตัวอักษร W หรือ WINTER เช่น
- 0W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 5W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 10W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 15W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 20W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
ดังนั้น ยิ่งตัวข้างหน้าwน้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะจะคงค่าความไสไว้ได้ที่อากาศติดลบที่ -30องศา น้ำมันเครื่องเบอร์0w ก็จะไม่เป็นไข ดังนั้นถ้าน้ำมันเครื่องไม่เป็นไขที่อากาศหนาวๆน้ำมันเครื่องก็จะวิ่งไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆๆของรถยนต์ได้ดียิ่งขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อเครื่องยนต์นั้นเอง
เรียบเรียงโดยร้านสามเหลี่ยมคาร์แคร์
ขอบคุณภาพประกอบน้ำมันเครือง ptt